แนวทางในการรักษา Tech Talent ในยามที่เกิดวิกฤตการขาดแคลนอย่างรุนแรง

ในขณะที่โลกดิจิตอลกำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีได้กลายเป็นสิ่งสำคัญที่เข้ายึดทุกพื้นที่จาก ปัญญาประดิษฐ์ไปจนถึงกระบวนการทำงานอัตโนมัติ  บริษัททุกหนแห่งต่างก็หันมาพึ่งพาวิทยาการล้ำยุค เพื่อช่วงชิงความเป็นผู้นำในตลาดที่เหนือกว่าคู่แข่ง ประเทศไทยเป็นตลาดด้านเทคโนโลยีที่น่าจับตามอง เพราะมีการพัฒนาอย่างเข้มแข็ง เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและนักลงทุนจากทั่วทุกมุมโลก ไทยถือเป็นหนึ่งในหกอันดับดาวรุ่งทางเศรษฐกิจดิจิตอลหรือ “Asean-6” ที่ประกอบด้วยประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม และถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศแถบ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และของโลกที่มีความโดดเด่นเป็นอย่างมากในด้านเทคโนโลยี

แต่เมื่อความก้าวหน้าล้ำไปไวมาก ความท้าทายทางธุรกิจในรูปแบบใหม่จึงเกิดตามมาด้วย หนึ่งในปัญหานั้นก็คือ การขาดแคลนแรงงานทางด้าน Tech Talent ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง ในขณะที่ความต้องการแรงงานด้านนี้เพิ่มขึ้น สูงมาก แต่จำนวนบุคคลากรในสายงานกลับมีน้อยจนไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้  บริษัท ต่าง ๆ จึงต้องดิ้นรนอย่างหนักในการเฟ้นหาและดึงรั้งบุคคลากรที่มากความสามารถเหล่านี้ให้อยู่กับองค์กรต่อไป อาทิ วิศวกรซอฟแวร์และนักวิทยาศาสตร์ด้านการวิเคราะห์ข้อมูล เป็นต้น

ทั้งนี้องค์กรต่าง ๆ จะมีวิธีจัดการปัญหาการขาดแคลน Tech Talent ที่นับวันจะทวีความรุนแรงนี้ได้อย่างไร?

ก่อนอื่นเรามาดูว่าสาเหตุใดที่ก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลน Tech Talent?

การขาดแคลนบุคคลากรไอทีที่มีทักษะสูงเป็นวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก สืบเนื่องจากการเติบโตอย่างรวดเร็ว ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ที่ส่งผลให้เกิดความต้องการบุคคลากรที่มีทักษะด้านไอทีสูงเพิ่มมากขึ้น

ตามรายงานของ IDC การขาดแคลนพนักงานประจำในตำแหน่งนักพัฒนาซอฟแวร์จะเพิ่มสูงถึง 20% ภายในปี 2025 โดยมีหลายปัจจัยที่นำไปสู่การขาดแคลนบุคลากรที่มากความสามารถ

จากรายงานล่าสุดของธนาคารโลก สาเหตุที่ทำให้เกิดการขาดแคลน Tech Talent ซึ่งส่งผลกระทบต่อการ เปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของประเทศไทยนั้น เกิดจากปัจจัยโดยรวมดังนี้ การมีทักษะไม่ตรงสายงาน การขาดการ ส่งเสริมระบบการศึกษาด้านเทคนิคอาชีวศึกษา และการฝึกอบรมที่ไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้เป็นความ ท้าทายครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อโอกาสการเติบโตของประเทศไทยในอนาคต รวมทั้งความสามารถในการ แข่งขันทางเศรษฐกิจอีกด้วย ระบบการศึกษาไทยต้องปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล เพราะขณะนี้หลักสูตรระดับ อุดมศึกษานั้น ไม่ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมหรือความต้องการของประเทศอีกต่อไปแล้ว

ปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นก่อให้เกิดผลเสียโดยตรงอย่างมากต่อภาคธุรกิจ

องค์กรต่าง ๆ ต้องยอมจ่ายเงินเดือนที่สูงขึ้นหรือยื่นเสนอข้อเสนอจูงใจอื่นๆ เพื่อดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มี ความสามารถไว้ ซึ่งการทำเช่นนี้นำไปสู่ต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้การดำเนินโครงการต่าง ๆ รวมถึง แนวคิดริเริ่มที่สำคัญต้องชะงักลง เกิดความล่าช้าหรือแม้กระทั่งถูกยกเลิกเลยก็เป็นได้

นอกจากนี้ประเด็นปัญหาดังกล่าว ยังส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจใกล้ตัวที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีอีกด้วย อาทิเช่น ด้านการแพทย์และบริการรักษาสุขภาพ ที่ประสบปัญหาในการหาผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีที่มีคุณสมบัติเพียงพอมา รับตำแหน่งสำคัญ ซึ่งการขาดแคลนบุคคลากรดังกล่าวส่งผลให้ผู้ป่วยต้องรอพบแพทย์นานขึ้น และค่าใช้จ่ายที่ เพิ่มขึ้นสำหรับผู้ให้บริการด้านการแพทย์

องค์กรควรจะปฏิบัติอย่างไรเพื่อรับมือกับปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นนี้?

รักษาและดึงดูดใจพนักงาน: กุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาการขาดแคลน Tech Talent

ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็รู้ แต่ถ้าหากคุณไม่ใช่คนกระเป๋าหนัก หรือไม่สามารถแข่งกันขึ้นเงินเดือน รวมไปถึง การจัดตั้งโครงการนวัตกรรมที่น่าตื่นใจแบบยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีเช่น Google และ Amazon ได้ การเอา ชนะใจเพื่อรักษาสัมพันธ์ที่ดีขององค์กรและบุคคลากรเอาไว้ดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน ในโลกหลังการระบาดของโควิด – 19 ซึ่งการทำงานนอกออฟฟิศ  (remote work) และชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่นได้กลายเป็นกระแสหลัก คุณไม่เพียงแค่ต้องแข่งขันกับบริษัทต่างๆ ใน ประเทศเท่านั้น แต่คุณกำลังต้องแข่งขันกับคนทั้งโลก

เพื่อรักษา Tech Talent คุณต้องรู้ว่าอะไรที่ทำให้นักพัฒนาโปรแกรม สนใจและมีแรงบันดาลใจที่จะทำงานที่เดิม ต่อ

จากรายงานผลสำรวจเงินเดือนประจำปี 2566 ของโรเบิร์ต วอลเตอร์ส ประเทศไทย เผยว่า Tech Talent ยังคง เป็นที่ต้องการสูงและยังพอรับข้อเสนอที่แข่งขันได้ ในขณะที่นายจ้างจำต้องปรับค่าตอบแทนและสวัสดิการ เพื่อการจ้างงานบุคคลากรในกลุ่มนี้และเพื่อรักษาพนักงานเก่าไว้ บริษัทกว่า 84% ยังคงมีความกังวลกับปัญหา การขาดแคลน Tech Talent ในสายงานของตน โดยมากกว่า 77% ชี้ว่ามีการขาดแคลนในตำแหน่งระดับ อาวุโส/หัวหน้าทีม และระดับผู้จัดการ ผลการสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า 9 ใน 10 บริษัทมีการเพิ่มทักษะของ พนักงานเดิมอย่างสม่ำเสมอ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการทำภายในองค์กรและมากกว่า 79% มีความคิดริเริ่มที่จะ รักษาพนักงานไว้ด้วยการเพิ่มองค์ความรู้และส่งเสริมการพัฒนาที่ดีขึ้น มีนโยบายการทำงานแบบผสมผสาน รวมถึงเพิ่มผลตอบแทน/ค่าจ้าง สวัสดิการ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแก่พนักงาน ตลอดจนมีการประเมินผลงาน และเลื่อนตำแหน่งนอกรอบซึ่งสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเกือบ 40% ของ Tech Talent มักคอย มองหาโอกาสใหม่ๆ โดยกว่า 53% ทำเช่นนั้นเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพการงาน การแข่งขันในกลุ่ม Tech Talent จะทวีความรุนแรงมากขึ้นในปี 2566 เนื่องจาก Tech Talent รุ่นใหม่จำนวนมากอาจต้องการสร้างธุรกิจ ของตนเอง และมักจะลาออกก่อนที่จะเลื่อนขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับกลาง

แรงจูงใจในการเปลี่ยนงาน 3 ลำดับแรกของ Tech Talent ได้แก่ 1. การมองหาตำแหน่งงานใหม่ที่น่าสนใจ กว่าหรือมีตำแหน่งงานที่ซีเนียร์ขึ้น (55%) 2. การขาดโอกาสสร้างความก้าวหน้าในสายงาน โดยไม่สามารถปรับ ตำแหน่งให้สูงขึ้นกว่าเดิมได้ (31%) และ 3. เงินเดือนและสวัสดิการที่ไม่น่าพึงพอใจในที่ทำงานปัจจุบัน (26%) Tech Talent ต้องการงานที่มั่นคงและให้ความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน ซึ่ง 68% ของพวกเขามองว่า เป็นสิ่งที่จะใช้ตัดสินว่านี่คือเส้นทางอาชีพในอุดมคติของพวกเขาหรือไม่ เพราะพวกเขาสามารถให้เวลากับ ครอบครัว เพื่อน และงานอดิเรกได้ มี Tech Talent เพียง 18% เท่านั้นที่เต็มใจกลับไปทำงานประจำที่ออฟฟิศ ในขณะที่ 64% ชอบแบบไฮบริด

และนี่คืองานวิจัยชิ้นใหม่ที่ OutSystems และ Evans Data Corp ร่วมกันค้นหาคำตอบ  Developer Engagement: Are Your Developers Happy or Halfway Out the Door? เพื่อศึกษาว่านักพัฒนาโปรแกรม ของคุณมีความสุขในการทำงานหรือไม่ หรือพวกเขาพร้อมที่จะไปทุกเมื่อ? จากรายงานนักพัฒนากว่า 800 คน ทั่วโลกต่างแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้พวกเขามีแรงจูงใจและมีส่วนร่วมกับบริษัท

1.นักพัฒนาโปรแกรมน้อยกว่าครึ่งมีแผนที่จะทำงานอยู่ที่บริษัทเดิมที่พวกเขาทำอยู่ในปัจจุบัน

ถึงแม้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่ (64%) จะรักงานของพวกเขา แต่มีจำนวนเพียง 48% เท่านั้นที่ “มีแผนอย่างแน่นอน” ที่จะทำงานอยู่กับนายจ้างปัจจุบันภายในหนึ่งปี และจำนวนเปอร์เซ็นต์นั้นก็ยังลดลงเหลือ เพียง 29% เมื่อเพดานเวลาขยับขึ้นเป็น 2 ปี

2. ความสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตที่ดีขึ้นคือเหตุผลอันดับ 1 ที่จะทำให้พวกเขาอยู่ต่อ

เนื่องจากพนักงานจำนวนมากเลือกที่จะทำงานจากระยะไกลมากขึ้น การรักษาจำนวนพนักงานที่มีความสามารถ จึงกลายเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากขึ้น แรงจูงใจด้านการเงินและความ”สนุก” ที่ได้จากการทำงานในออฟฟิศ ไม่เพียงพอที่จะดึงดูดนักพัฒนาซอฟแวร์อีกต่อไปแล้ว จากการสำรวจพบว่า 42% ของผู้ตอบแบบสอบถามมั่นใจ ว่าพวกเขาสามารถหางานใหม่ที่ดีกว่าได้โดยไม่ยากเมื่อพิจารณาจากตำแหน่งงานที่มีอยู่มากมายให้เลือก

นักพัฒนาโปรแกรมต้องการเหตุผลที่ดีกว่าที่จะอยู่ทำงานที่เดิมต่อ

เมื่อถูกถามว่าอะไรเป็นแรงจูงใจสำคัญสำหรับพวกเขา คำตอบก็คือ

  • สมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงานดีขึ้น (50%)
  • เงินเดือนหรือค่าตอบแทนที่ดีขึ้น (28%)
  • ทีมงานที่ดีขึ้น (29%)
  1. นักพัฒนาโปรแกรมบนแพลตฟอร์ม low code มีแนวโน้มที่จะทำงานต่อที่บริษัทเดิมมากกว่า

องค์กรต่างๆ ได้นำแพลตฟอร์ม Low code มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของนักพัฒนาโปรแกรม จากข้อมูลการสำรวจไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นว่า นักพัฒนาได้รับประโยชน์จากการใช้ Low Code แต่ยังแสดงให้ เห็นว่ามันมีความสำคัญในการสร้างแรงจูงใจด้วย โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • นักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เขียนโปรแกรม Low code มีแนวโน้มที่จะมีความพึงพอใจต่อเครื่องมือ ของตนสูงมากกว่านักพัฒนาซอฟแวร์ที่เขียนโปรแกรมแบบดั้งเดิม (57% เทียบกับ 36%)
  • 49% ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยอย่างยิ่งว่า การเขียนโปรแกรม Low code ช่วยเพิ่มความคิด สร้างสรรค์
  • 50% ของนักพัฒนาที่ทำแบบสำรวจกล่าวว่า การเขียนโปรแกรม Low code ช่วยปรับปรุงคุณภาพของ แอพลิเคชั่น
  • แม้จะมีทีมนักพัฒนาที่เล็กกว่ามาก แต่นักพัฒนาที่เขียนโปรแกรม Low code กลับมีความพอใจกับขนาด ทีมของตนเป็นอย่างมาก
  • นักพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วยโปรแกรม Low code ได้รับการเลื่อนตำแหน่งโดยเฉลี่ย 3.5 ครั้ง ในขณะที่เพื่อน ร่วมงานซึ่งเป็นนักพัฒนาโปรแกรมแบบดั้งเดิมได้เลื่อนตำแหน่งเฉลี่ยอยู่ที่ 2 ครั้ง

แก้ปัญหาการขาดแคลน Tech Talent ของคุณด้วยการใช้ Low Code platform

การเพิ่มทรัพยากร Tech Talent ให้กลับเข้ามาอยู่ในตลาดแรงงานถือเป็นเรื่องสำคัญ ในการตอบสนองความ ต้องการด้านความคล่องตัวและความสามารถในการปรับตัวในยุคสมัยแห่ง “ความเร่งด่วนด้านดิจิทัล” นี้ แม้ว่า ปัญหาการขาดแคลน Tech Talent ทั่วโลกคงจะไม่หายไปในเร็ว ๆ นี้ แต่ Low Code จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในการสร้างความมั่นใจให้กับนักพัฒนาโปรแกรมของคุณ และจะทำให้พวกเขาอยากมีส่วนร่วม และทำงานได้ อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วยระบบของ OutSystems คุณสามารถที่จะ

  • เพิ่มความรวดเร็วในการวางตลาด คุณสามารถพัฒนาและปรับใช้แอปพลิเคชันแบบตั้งค่าได้เองอย่าง รวดเร็วด้วยการเขียนโค้ดเพียงเล็กน้อย ซึ่งจะช่วยให้คุณทำการตลาดผลิตภัณฑ์และบริการได้เร็วกว่าคู่แข่ง
  • ลดค่าใช้จ่ายในการพัฒนา ระบบของเราช่วยลดค่าใช้จ่ายในการพัฒนาแอปพลิเคชัน คุณจึงไม่ต้อง สิ้นเปลืองจ้างบุคคลากรหรือใช้ทรัพยากรในการเขียนโค้ดที่มีราคาสูงอีกต่อไป
  • เพิ่มความยืดหยุ่นและความคล่องตัว คุณสามารถเปลี่ยนหรือปรับแต่งแอปพลิเคชันของคุณได้ตาม ความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนไปได้ทุกเมื่อ สิ่งนี้จะทำให้คุณได้เปรียบด้านการแข่งขันในสภาพแวดล้อม ทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน

แพลตฟอร์ม Low-code ที่ทรงประสิทธิภาพสูงอย่าง OutSystems ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคคลากร อีกทั้ง ยังช่วยเพิ่มศักยภาพของทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้บริษัทของคุณมีพลานุภาพและเกิดความ คล่องตัว ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการรับมือกับภูมิทัศน์ทางธุรกิจสมัยใหม่

บทความโดย:    นายเติมศักดิ์ วีรขจรพงษ์ รองประธานภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอาท์ซิสเต็มส์

ที่มา: อินวิส