หัวเว่ยเปิดตัวโซลูชัน Xinghe Intelligent Fabric รุ่นอัปเกรด ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขับเคลื่อนสู่ยุค AI

หัวเว่ย เปิดตัวโซลูชัน Xinghe Intelligent Fabric รุ่นอัปเกรด ในงาน Huawei Network Summit 2025 (Asia Pacific) ภายใต้ธีม “Xinghe Intelligent Fabric, Powering the AI Era” โดยโซลูชันที่ได้รับการอัปเกรดนี้ ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายที่แข็งแกร่ง รองรับการพลิกโฉมสู่ความอัจฉริยะดิจิทัลให้กับองค์กรธุรกิจทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

หวัง อี้ตง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขายโซลูชัน ICT ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ของหัวเว่ย กล่าวปาฐกถาพิเศษว่า “หัวเว่ยได้วางโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายศูนย์ข้อมูลที่ล้ำสมัยให้องค์กรในหลากหลายอุตสาหกรรมทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โซลูชันเครือข่ายของเราเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ ความเสถียรและความปลอดภัยขั้นสูง ช่วยเสริมศักยภาพให้ลูกค้าสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมทางธุรกิจ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานได้อย่างเต็มศักยภาพ”

อาเธอร์ หวัง ประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์เครือข่ายศูนย์ข้อมูล ฝ่ายผลิตภัณฑ์สื่อสารข้อมูลของหัวเว่ย กล่าวเพิ่มเติมว่า “ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และวิวัฒนาการของสถาปัตยกรรมระบบคลาวด์ ทำให้เครือข่ายศูนย์ข้อมูลกำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนสำคัญ โดยโซลูชัน Xinghe Intelligent Fabric เวอร์ชันอัปเกรด ได้รับการออกแบบภายใต้สถาปัตยกรรมเครือข่ายแบบ 3 ชั้น ได้แก่ AI Brain, AI Connection และ AI Network Element ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายศูนย์ข้อมูลที่มีความเสถียร แข็งแกร่ง และสามารถรองรับการเชื่อมต่อกับพลังประมวลผลขนาดใหญ่ เพื่อสนับสนุนการให้บริการที่ต่อเนื่อง”

  • AI Brain: ใช้ประโยชน์จากแผนที่เครือข่ายดิจิทัลของหัวเว่ย ร่วมกับ NetMaster (ระบบตัวแทนเครือข่าย) เลเยอร์นี้มีบทบาทสำคัญในการปรับใช้กระบวนการต่าง ๆ โดยอัตโนมัติ รวมถึงการผสานการจำลองด้านเครือข่ายและความปลอดภัย นอกจากนี้ยังสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ถึง 80% โดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยยกระดับประสิทธิภาพด้านการปฏิบัติงานและการบำรุงรักษา (O&M) ได้อย่างมีนัยสำคัญ
  • AI Connection: ใช้ประโยชน์จากอัลกอริทึม Network-Scale Load Balancing (NSLB) ที่เป็นเอกลักษณ์ของหัวเว่ย เลเยอร์นี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวางแผนเส้นทาง ลดข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพของเครือข่าย และเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกฝน AI ได้มากกว่า 10% นอกจากนี้ ระบบ iReliable ที่มาพร้อมเทคโนโลยีความน่าเชื่อถือระดับสามชั้น รวมถึงความสามารถในการต้านการสูญเสียสัญญาณในโมดูลออปติคัล และการตรวจจับสิ่งสกปรกหรือการหลวมของช่องสัญญาณ ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าบริการจะดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการสะดุด
  • AI Network Element: ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของสวิตช์ศูนย์ข้อมูลตระกูล CloudEngine และโมดูลออปติคัล StarryLink เลเยอร์นี้มีความสามารถในการตรวจจับปริมาณข้อมูลแบบละเอียด พร้อมแสดงภาพรวมการสูญเสียแพ็กเก็ตและค่าความหน่วงของเครือข่ายแบบเรียลไทม์อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังมาพร้อมคุณสมบัติด้านความปลอดภัยเชิงโครงสร้าง (Intrinsic Security) และการแยกกลุ่มการสื่อสาร (Group Isolation) ซึ่งช่วยยกระดับมาตรการความปลอดภัยของเครือข่ายโดยรวมได้อย่างมีนัยสำคัญ

ในช่วงบรรยายดังกล่าว ยังได้รับเกียรติจาก เวลคัม ชาน ผู้อำนวยการฝ่ายความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่าย ธนาคาร Chong Hing และ อดัม ลัม สถาปนิกโซลูชัน บริษัท Hong Kong Broadband Network ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์จากความร่วมมือกับหัวเว่ย พร้อมนำเสนอกรณีศึกษาการประยุกต์ใช้โซลูชันด้านเครือข่ายในภาคธุรกิจจริง นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจาก ดร. ดาริโอ รอสซี (Dario Rossi) ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีอัลกอริทึมและการวัดเครือข่าย สายงานผลิตภัณฑ์เครือข่ายข้อมูล ศูนย์วิจัยหัวเว่ย กรุงปารีส มาร่วมบรรยายพิเศษเกี่ยวกับแนวโน้มและทิศทางการพัฒนาเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์ในยุค AI

ในอนาคต หัวเว่ยจะเดินหน้าขับเคลื่อนความร่วมมือกับพันธมิตรและลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการสร้างสรรค์นวัตกรรมในเทคโนโลยีเครือข่ายศูนย์ข้อมูล โดยมีเป้าหมายในการยกระดับเครือข่ายอัจฉริยะและสนับสนุนการพัฒนาไปสู่ยุคใหม่ของเครือข่ายดิจิทัล พร้อมผลักดันองค์กรในทุกอุตสาหกรรมที่รองรับอนาคตด้วยโซลูชันล้ำสมัย