ไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดอุตสาหกรรมเรียกรถผ่านแอปครั้งแรกในภูมิภาค มุ่งปลดล็อคศักยภาพเทคโนโลยีขนส่ง

ประเทศไทยจัดงาน “The 1st Southeast Asia Ride-Hailing Industry Summit 2025” โดยมี Oppland Group เป็นเจ้าภาพร่วม การประชุมครั้งนี้เน้นการหารือเชิงลึกเกี่ยวกับอนาคตของแพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการขนส่ง ผ่านเวทีเสวนาหัวข้อ “ปลดล็อกศักยภาพอุตสาหกรรมบริการเรียกรถผ่านแอปฯในประเทศไทย: ความร่วมมือเชิงนโยบายและแนวทางขับเคลื่อนในอนาคต”

ส่องพลังของเศรษฐกิจดิจิทัล

จากข้อมูลที่เปิดเผยในงาน อุตสาหกรรมเรียกรถผ่านแอปในไทยแสดงให้เห็นถึงพลังของเศรษฐกิจดิจิทัล:

  • 11 แพลตฟอร์ม ที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก
  • ให้บริการครอบคลุม กว่า 60 เมือง ทั่วประเทศ
  • สร้างรายได้ให้ผู้ขับขี่ กว่า 500,000 คน ต่อปี
  • สร้างรายได้ภาษีให้รัฐ 33 ล้านบาท ต่อปี
  • มูลค่าทางเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมยานยนต์ 55,000 ล้านบาท ต่อปี

ทั้งนี้ ข้อมูลปี 2567 เผยให้เห็นบทบาทสำคัญของแพลตฟอร์มเรียกรถในการส่งเสริมการท่องเที่ยว:

  • นักท่องเที่ยวต่างชาติคิดเป็น 25% ของผู้ใช้งาน
  • ยอดเดินทางรวม 20 ล้านเที่ยว
  • สร้างรายได้ให้ธุรกิจท้องถิ่น 17,800 ล้านบาท

เทคโนโลยีเปลี่ยนคุณภาพชีวิต

คุณสุภัทธา เนียมวณิชกุล หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะ Bolt ประเทศไทย เผยข้อมูลที่สะท้อนถึงผลกระทบเชิงบวกของเทคโนโลยีว่า “ผู้ขับขี่ของ Bolt มีรายได้เฉลี่ยมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำ 2.5 เท่า โดย 59% ของผู้ขับขี่ระบุว่ารู้สึกเครียดเรื่องการเงินน้อยลง”

นโยบายเทคโนโลยีที่ส่งเสริมนวัตกรรม

ดร.ณรัน โพธิ์พัฒนชัย จากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เน้นย้ำถึงความสำคัญของการประเมินผลกระทบของกฎระเบียบ (RIA) ในยุคดิจิทัล: “กฎหมายของเราต้องเอื้อต่อการสร้างนวัตกรรม ปกป้องผู้บริโภค และคงความยั่งยืนของบริการในระยะยาว”

อนาคตของแพลตฟอร์มดิจิทัล

ผลการศึกษาจาก TDRI เผยแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ:

  • ประชากรในกรุงเทพฯและปริมณฑล 40% ใช้บริการเรียกรถผ่านแอป
  • คาดการณ์รายได้รวมของแพลตฟอร์มจะเพิ่มจาก 17,000 ล้านบาท เป็น 33,000 ล้านบาท ภายในปี 2571

ดร.สลิลธร ทองมีนสุข จาก TDRI เสนอแนะให้มีการใช้เครื่องมือ regulatory sandbox และ data-sharing เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมทางเทคโนโลยี

ผู้เข้าร่วมเสวนาเสนอแนวทาง “การบังคับใช้กฎหมายอย่างค่อยเป็นค่อยไป” พร้อมข้อเสนอหลัก ๆ ดังนี้:

  1. ขยายการให้บริการออกใบอนุญาต ในพื้นที่ที่มีความต้องการสูง
  2. พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยดิจิทัล ที่เหมาะกับผู้ขับขี่พาร์ตไทม์
  3. ปรับปรุงระบบดิจิทัลการจดทะเบียน ให้มีความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น