Kubix จับมือ InterOpera ร่วมศึกษาแนวทาง Tokenized Carbon Credit เสริมศักยภาพตลาดคาร์บอนเครดิตไทย

บริษัท คิวบิกซ์ ดิจิทัล แอสเซท จำกัด (Kubix) จับมือ InterOpera ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม OperaX สำหรับการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในสิงคโปร์ เดินหน้าศึกษาแนวทางใหม่ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับการออกและซื้อขายคาร์บอนเครดิตในรูปแบบโทเคนดิจิทัล ตั้งเป้านำองค์ความรู้มาพัฒนาและยกระดับโครงสร้างระบบ ทั้งด้านการแปลงคาร์บอนเครดิตเป็นโทเคน (Tokenized Carbon Credit) ระบบเสนอขาย และกระบวนการชำระราคาและเก็บรักษาทรัพย์สิน เพื่อให้รองรับการซื้อขายโทเคนคาร์บอนเครดิตของไทยได้อย่างครบวงจร และตอบรับกับการเติบโตของตลาดคาร์บอนเครดิตทั่วโลก

นายปฐมชัย แตงน้อย รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท คิวบิกซ์ ดิจิทัล แอสเซท จำกัด เปิดเผยว่า การแปลงสินทรัพย์หรือโครงการที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมให้อยู่ในรูปแบบของโทเคนดิจิทัล (Green Tokenization) ยังเป็นแนวคิดใหม่ในประเทศไทย ขณะที่ในระดับสากลหลายองค์กรได้เริ่มพัฒนาโครงการ Tokenized Carbon Credit อย่างจริงจังแล้ว โดยตลาดคาร์บอนเครดิตต้องการความโปร่งใส น่าเชื่อถือ และระบบที่เชื่อมโยงกับตลาดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ Kubix มุ่งมั่นพัฒนาระบบที่ตอบโจทย์ภาคธุรกิจไทย และผลักดันให้ตลาดคาร์บอนเครดิตของประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนและแข่งขันในระดับสากลได้ในอนาคต

ล่าสุด Kubix ได้ร่วมมือกับ InterOpera ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม OperaX สำหรับการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ในก้าวแรกของความร่วมมือครั้งนี้ Kubix จะได้ศึกษาแนวทางใหม่และประเมินศักยภาพของแพลตฟอร์มซื้อขายคาร์บอนเครดิตและใบรับรองพลังงานหมุนเวียนจาก InterOpera ซึ่งมีจุดเด่นด้านความโปร่งใส ประสิทธิภาพ และการเชื่อมโยงกับตลาดในระดับภูมิภาค พร้อมตั้งเป้าหมายที่จะนำองค์ความรู้ที่ได้มาพัฒนาและยกระดับโครงสร้างระบบ ทั้งด้านการแปลงคาร์บอนเครดิตเป็นโทเคนดิจิทัล (Tokenized Carbon Credit) ระบบเสนอขาย และกระบวนการชำระราคาและเก็บรักษาทรัพย์สิน เพื่อให้รองรับการซื้อขายโทเคนคาร์บอนเครดิตของไทยได้อย่างครบวงจร ควบคู่กับการเพิ่มโอกาสให้แก่ภาคธุรกิจผู้ออกโทเคนดิจิทัลในการเข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้นและรองรับการเติบโตของตลาดคาร์บอนเครดิตทั่วโลก ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี พ.ศ. 2580 (อ้างอิงจาก BloombergNEF)

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการพัฒนาโครงการคาร์บอนเครดิตจากแหล่งธรรมชาติ เช่น ป่าไม้และป่าชายเลน ซึ่งสามารถกักเก็บคาร์บอนได้มากกว่าป่าเขตร้อนทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญและยังเป็นแหล่ง “บลูคาร์บอน” ที่สำคัญในภูมิภาค นอกจากนี้ หลายพื้นที่ยังมีการบริหารจัดการโดยชุมชนที่มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูและดูแลทรัพยากรท้องถิ่น ส่งผลให้เกิดประโยชน์ทั้งด้านเศรษฐกิจ ความหลากหลายทางชีวภาพ และความยั่งยืน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจให้ความสำคัญอย่างยิ่ง Kubix เชื่อมั่นว่าการแปลงคาร์บอนเครดิตเหล่านี้ให้เป็นโทเคนดิจิทัลจะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยเพิ่มความโปร่งใส ตรวจสอบย้อนกลับได้ และขยายการเข้าถึงตลาดรองระดับสากลสำหรับคาร์บอนเครดิตคุณภาพของไทยในอนาคต

นายปฐมชัย กล่าวในตอนท้ายว่า Kubix มุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดคาร์บอนเครดิตระดับโลก ด้วยการขับเคลื่อนการระดมทุนให้กับโครงการคาร์บอนเครดิตคุณภาพของไทย โดยใช้ความเชี่ยวชาญในฐานะผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) พัฒนาแนวทาง “Green Tokenization” เพื่อเปิดช่องทางการลงทุนใหม่ที่โปร่งใส เชื่อถือได้ และเข้าถึงได้ทั้งจากนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ พร้อมส่งเสริมการใช้กลไกการเงินเพื่อสภาพภูมิอากาศ (Climate Finance) เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2608