ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ทำให้เกิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องและกลายมาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของทุกคน พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่จึงมักเปลี่ยนอุปกรณ์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ เช่น เปลี่ยนสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ทุกปี หรือเปลี่ยนจอคอมพิวเตอร์ให้ใหญ่และคมชัดขึ้น ทำให้ปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลกที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตประจำวันและสิ่งแวดล้อม
E-Waste คืออะไร?
E-Waste คือ อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดที่ หมดอายุการใช้งาน หรือ ถูกทิ้งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่า คอมพิวเตอร์ที่พัง สายชาร์จที่ขาด หรือแม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนอย่างตู้เย็น เครื่องซักผ้า และโทรทัศน์
ขยะอิเล็กทรอนิกส์แบ่งเป็น 10 ประเภท ดังนี้
- เครื่องใช้ในครัวเรือนขนาดใหญ่ เช่น ตู้เย็น, เครื่องซักผ้า, ไมโครเวฟ และเครื่องปรับอากาศ
- เครื่องใช้ในครัวเรือนขนาดเล็ก เช่น เครื่องดูดฝุ่น, เครื่องปิ้งขนมปัง และเตารีด
- อุปกรณ์ไอที เช่น คอมพิวเตอร์, แล็ปท็อป, โทรศัพท์บ้าน และโทรศัพท์มือถือ
- เครื่องใช้สำหรับผู้บริโภค เช่น วิทยุ, โทรทัศน์, กล้อง และเครื่องบันทึกวิดีโอ
- อุปกรณ์ให้แสงสว่าง เช่น หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์
- อุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องรังสีบำบัด, เครื่องช่วยหายใจ และเครื่อง X-ray
- เครื่องมือตรวจสอบและควบคุม เช่น เครื่องตรวจจับควัน และเครื่องควบคุมความร้อน
- เครื่องมือไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สว่าน และเลื่อยไฟฟ้า
- เครื่องจ่ายอัตโนมัติ เช่น ตู้กดน้ำ ตู้ ATM และเครื่องหน่ายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
- ของเล่น อุปกรณ์สันทนาการ เช่น รถไฟฟ้าของเล่น และวิดีโอเกม
ปัญหาที่ซ่อนอยู่ใน E-Waste
สิ่งที่ต่างจากขยะทั่วไปคือ ภายในปะปนไปด้วย สารอันตราย เช่น สารตะกั่ว ปรอท แคดเมียม ซึ่งเป็นพิษต่อระบบประสาทและร่างกาย หากถูกทิ้งรวมกับขยะทั่วไปและนำไปฝังกลบหรือเผา สารพิษสามารถรั่วไหลลงสู่ดิน แหล่งน้ำ และอากาศ ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
ในขณะเดียวกัน E-Waste ยังมี ทรัพยากรมีค่า อย่าง ทองคำ เงิน และทองแดง ที่ถูกนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในแผงวงจร สามารถนำกลับมารีไซเคิลและใช้ใหม่ เพื่อลดความจำเป็นในการขุดเจาะทรัพยากรจากธรรมชาติได้เช่นกัน
เริ่มต้น “จัดการ” อย่างไรดี?
แนวทางการจัดการ E-Waste ที่เหมาะสมจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับบุคคลและครัวเรือน
- ยืดอายุการใช้งาน: การซ่อมแซมและบำรุงรักษาอุปกรณ์เพื่อใช้งานให้นานที่สุด เป็นการลดการสร้างขยะตั้งแต่ต้นทาง
- การใช้ซ้ำและบริจาค: พิจารณาการส่งต่ออุปกรณ์ที่ยังใช้งานได้ดีให้แก่ผู้อื่นหรือองค์กรที่ต้องการ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดก่อนจะกลายเป็นขยะ
- การกำจัดอย่างถูกต้อง: อุปกรณ์ที่เสียและไม่สามารถซ่อมแซมได้แล้ว ควรถูกคัดแยกและนำส่งไปยังจุดรับทิ้ง E-Waste โดยเฉพาะ ไม่ควรทิ้งรวมกับขยะครัวเรือนทั่วไป ปัจจุบันหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนได้จัดตั้งจุดรับคืนเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลที่ได้มาตรฐานต่อไป
การใช้อุปกรณ์เป็นตัวช่วยในชีวิตประจำวันเพื่อสร้างความสะดวกสบาย จำเป็นต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบต่อขยะอิเล็กทรอนิกส์ด้วยเช่นกัน นอกจากจะช่วยลดขยะแล้ว ยังเป็นการ ลดสารพิษ ที่จะเข้าสู่สิ่งแวดล้อม พร้อมหมุนเวียนทรัพยากรมีค่าให้กลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้ง ถือเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาและสร้างความยั่งยืนให้กับโลก