ประเทศไทยกำลังผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ผ่านสินค้าทางวัฒนธรรมหลากหลายรูปแบบ แต่ความสร้างสรรค์เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน จุดเปลี่ยนสำคัญที่กำลังสร้างความแตกต่างให้กับวงการ คือการผสมผสานระหว่างความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “Creative Tech” ซึ่งกำลังเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มมูลค่าสินค้า และบริการ สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับผู้บริโภค รวมถึงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ก้าวไปข้างหน้า
ทำความรู้จักกับ Creative Tech
Creative Tech เกิดจากการผสมผสานระหว่างความคิดสร้างสรรค์ (Creative) และเทคโนโลยี (Technology) เป็นการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีอย่าง AI, Machine Learning, VR, AR, Blockchain หรือแม้แต่ Metaverse มาประยุกต์ใช้อย่างสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาสินค้า และบริการให้มีความแตกต่าง และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยิ่งขึ้น
ประเด็นสำคัญที่ทำให้ Creative Tech มีความพิเศษคือการผสมผสานสิ่งที่เทคโนโลยีไม่มี นั่นคือ “ความคิดสร้างสรรค์” ซึ่งเป็นจุดเด่นของมนุษย์ เพราะแม้โลกของเราจะพัฒนาไปถึงยุค 4.0 มีเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย แต่เทคโนโลยีเหล่านั้นไม่สามารถบอกตัวเองได้ว่าควรจะนำไปต่อยอดในทิศทางใด มนุษย์จึงเป็นผู้ที่นำเทคโนโลยีไปสร้างสรรค์เป็นสิ่งใหม่ และพัฒนาให้เกิดนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างแท้จริง นี่คือหัวใจของ Creative Tech !
4 บทบาท Creative Tech ที่ส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
ในปัจจุบัน มีบริษัท Startup มากมายที่นำแนวคิด Creative Tech มาใช้ในการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในหลากหลายมิติ เรามาดูกันว่า Creative Tech มีบทบาทสำคัญอย่างไรบ้าง
1. เพิ่มมูลค่าสินค้า และบริการ
การผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับสินค้า และบริการดั้งเดิม สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างมหาศาล และช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด ตัวอย่างเช่น การนำเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) มาใช้กับสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป ทำให้สินค้าธรรมดากลายเป็นสินค้าอัจฉริยะที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้มากขึ้น และสามารถจำหน่ายในราคาที่สูงขึ้นได้ สิ่งนี้เองที่ช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถหลุดพ้นจากกับดักการแข่งขันด้านราคา และหันมาแข่งขันด้านคุณค่า และนวัตกรรมแทน
2. สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า
Creative Tech ไม่เพียงแต่เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า และบริการเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับลูกค้าได้อีกด้วย เช่น การใช้เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) หรือ VR (Virtual Reality) ในการนำเสนอสินค้า หรือบริการ ทำให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น และน่าประทับใจ ซึ่งนำไปสู่การสร้างความผูกพันกับแบรนด์ (Brand Engagement) และส่งผลดีต่อธุรกิจในระยะยาว การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าไม่เพียงแต่ทำให้พวกเขากลับมาซื้อซ้ำ แต่ยังช่วยให้พวกเขาบอกต่อความประทับใจ สร้างการเติบโตแบบปากต่อปากให้กับธุรกิจอีกด้วย!
3. ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
การนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างสร้างสรรค์ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถลดต้นทุนในการดำเนินงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างมาก เช่น การใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูล และคาดการณ์แนวโน้มตลาด หรือการใช้ระบบอัตโนมัติในการผลิต และให้บริการ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน แต่ยังช่วยลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานของมนุษย์อีกด้วย เมื่อธุรกิจมีต้นทุนที่ต่ำลง และมีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้น ก็จะสามารถแข่งขันในตลาดได้ดีขึ้น ส่งผลดีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม!
4. สร้างพื้นที่ต่อยอดไปสู่นวัตกรรมอื่น
Creative Tech ยังเป็นการสร้างพื้นที่ให้เกิดการต่อยอดไปสู่นวัตกรรมอื่น ๆ เมื่อมีคนเริ่มคิดค้น และนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างสร้างสรรค์ ก็จะจุดประกายความคิดให้กับคนอื่น ๆ และนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ในประเทศไทยเอง เรามีหน่วยงานที่สนับสนุนการพัฒนา Creative Tech อย่างสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) ที่คอยส่งเสริม และพัฒนาศักยภาพด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้กับชุมชน สาธารณชน และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ทำให้เกิดการต่อยอดและพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง!
ตัวอย่าง Creative Tech ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
ในประเทศไทย มีการนำ Creative Tech มาใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างสร้างสรรค์มากมาย ยกตัวอย่างเช่น
- Drone แปรอักษร : ปัจจุบันมีการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ทำให้โดรนจำนวนมากสามารถบินขึ้นไปบนท้องฟ้า และแปรอักษรเป็นรูปภาพ หรือข้อความต่าง ๆ ได้ ซึ่งนอกจากจะสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมแล้ว ยังสามารถนำไปใช้ในงานประเพณีสำคัญ หรืองานอีเวนต์ต่าง ๆ อีกด้วย
- App Pannana : แอปพลิเคชันที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้พิการทางสายตาสามารถรับชมภาพยนตร์ได้ โดยระบบจะฟังเสียงภาพยนตร์ที่กำลังฉายอยู่ และส่งข้อความบรรยายเหตุการณ์ในภาพยนตร์ว่าใครกำลังทำอะไร ทำให้ผู้พิการทางสายตาสามารถเข้าใจ และรับชมภาพยนตร์ร่วมกับคนทั่วไปได้
- ใช้เทคโนโลยี AR และ VR สำหรับการท่องเที่ยว : ปัจจุบันสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในไทยมีการนำเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) มาใช้เพื่อเพิ่มประสบการณ์การท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยว เช่น การใช้โทรศัพท์มือถือส่องไปที่สถานที่ท่องเที่ยวแล้วระบบจะแสดงภาพจำลองเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ หรือแสดงแอนิเมชันตัวละครต่าง ๆ ทำให้การท่องเที่ยวมีความน่าสนใจ และสนุกสนานมากขึ้น
- ใช้แอปพลิเคชันช่วยขยายตลาด และให้บริการ : ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งอาหาร และการใช้เทคโนโลยีสามารถช่วยขยายโอกาสทางธุรกิจได้อย่างมาก เช่น แอปพลิเคชันวงใน ที่รวบรวมข้อมูลร้านอาหารทั่วไทย ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาร้านอาหารตามประเภท ราคา หรือสถานที่ที่ต้องการได้ง่าย ๆ หรือแอปพลิเคชัน QueQ ที่ช่วยในการจองคิวร้านอาหาร ทำให้ลูกค้าไม่ต้องรอคิวหน้าร้าน และมีเวลาไปทำธุระอื่นก่อนได้
สรุปบทความ
Creative Tech หรือการผสมผสานระหว่างความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยี เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในยุคดิจิทัล โดยมีบทบาทสำคัญ 4 ประการ คือ การเพิ่มมูลค่าสินค้า และบริการ การสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า การลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และการสร้างพื้นที่ต่อยอดไปสู่นวัตกรรมอื่น ๆ ในประเทศไทยเอง มีการนำ Creative Tech มาใช้อย่างสร้างสรรค์มากมาย เช่น Drone แปรอักษร, App Pannana, การใช้เทคโนโลยี AR และ VR สำหรับการท่องเที่ยว และการใช้แอปพลิเคชันต่าง ๆ ในการขยายตลาด และให้บริการ ทั้งหมดนี้ล้วนช่วยยกระดับเศรษฐกิจไทยให้มีความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลกมากขึ้น และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

