บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของรัฐบาลไทย ผ่านความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ในโครงการ MOC Plus แพลตฟอร์มบริการภาครัฐสมัยใหม่ที่นำเทคโนโลยี AI และ Cloud มาใช้ยกระดับคุณภาพการบริการประชาชนให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเข้าถึงง่ายมากยิ่งขึ้น
“ประกาศเจตจำนงความร่วมมือ” ระหว่างกระทรวงพาณิชย์และพันธมิตรเทคโนโลยีระดับโลก ได้แก่ Huawei, Google, Amazon Web Services และ Microsoft ยืนยันบทบาทสำคัญในการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และ Cloud เพื่อพัฒนา MOC Plus ให้ก้าวสู่การเป็นแพลตฟอร์มรัฐบาลดิจิทัลที่สมบูรณ์
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “MOC Plus เป็นส่วนสำคัญของนโยบาย Quick Big Win ที่มุ่งยกระดับภาครัฐด้วยนวัตกรรม AI และ Cloud เพื่อลดภาระประชาชน เพิ่มความโปร่งใส และปรับขั้นตอนราชการให้ทันสมัย การร่วมมือกับหัวเว่ยและพันธมิตรเทคโนโลยีระดับโลกครั้งนี้ จะเร่งให้การเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลดิจิทัลของไทยเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม”
ดร. ชวพล จริยาวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการ หัวเว่ย ประเทศไทย กล่าวว่า “หัวเว่ยมีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐของไทย ผ่านความเชี่ยวชาญด้าน AI และ Cloud เรามุ่งสนับสนุนกระทรวงพาณิชย์ในการสร้างแพลตฟอร์มบริการภาครัฐที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และเข้าถึงประชาชนได้อย่างทั่วถึง เพื่อผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลดิจิทัลที่ก้าวหน้าของประเทศไทย”
ภายใต้กรอบความร่วมมือครั้งนี้ หัวเว่ย ประเทศไทย มุ่งเสริมขีดความสามารถให้กระทรวงพาณิชย์ใน 4 ด้านหลัก ได้แก่
- พัฒนาโมเดล AI สำหรับระบบ Call Center อัจฉริยะ โดย AI ของหัวเว่ยจะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถตอบข้อสอบถามได้รวดเร็ว แม่นยำ และรองรับการใช้งานปริมาณมาก ลดการทำงานซ้ำซ้อนและเพิ่มคุณภาพการให้บริการ
- ประเมินความพร้อมด้าน AI และ Cloud ของทุกกรมในกระทรวง เพื่อสนับสนุนการยกร่าง Digital Transformation Roadmap ที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
- ยกระดับทักษะบุคลากรภาครัฐด้วยการอบรมเทคโนโลยี AI และ Cloud ครอบคลุมหลักสูตรด้านคลาวด์ ด้านข้อมูล และการใช้งาน AI ในงานบริการสาธารณะ
- พัฒนาเครื่องมือและระบบต้นแบบด้าน AI เช่น Chatbot, ผู้ช่วยอัจฉริยะ, ระบบวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อสนับสนุนงานบริการประชาชนและงานภายในกระทรวง
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้เริ่มใช้งาน AI ใน 3 หน่วยงาน โดยหัวเว่ยมีส่วนสำคัญในการผลักดันโครงสร้างพื้นฐาน AI-Cloud ให้รองรับการใช้งานจริง ได้แก่ 1) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ใช้ AI วิเคราะห์และตรวจจับนอมินีผ่าน Risk Score Card 2) กรมทรัพย์สินทางปัญญา มีระบบ Chatbot AI ช่วยตอบคำถามด้านทรัพย์สินทางปัญญา และ 3) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มีการใช้ AI ผู้ช่วยด้านข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ สำหรับ SMEs
แพลตฟอร์ม MOC Plus จะช่วยให้ทุกกรมสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เชื่อมโยงกันเป็นหนึ่งเดียว เพิ่มความรวดเร็ว ลดความผิดพลาด และสร้างประสบการณ์บริการที่ดีขึ้นให้ประชาชนและผู้ประกอบการ
รมว.พาณิชย์ เผยว่า หนึ่งในความก้าวหน้าชัดเจนคือการนำ “AI ผู้ช่วยอัจฉริยะ” มาเสริมศักยภาพ Call Center ของทุกกรม ทำให้การตอบคำถามรวดเร็ว แม่นยำ และลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ลงอย่างมาก
ดร ชวพล กล่าวทิ้งท้ายว่า ความร่วมมือระหว่างหัวเว่ยและกระทรวงพาณิชย์ในครั้งนี้ เป็นการยืนยันถึงบทบาทของหัวเว่ยในฐานะพันธมิตรสำคัญด้านเทคโนโลยีของประเทศไทย ที่พร้อมผลักดันภาครัฐสู่การใช้ประโยชน์จาก AI-Cloud อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการเข้าถึงบริการที่ทันสมัย โปร่งใส และยั่งยืน